Shopping C SHOP
Your cart empty!
ในโลกของการศึกษา… มีช่วงเวลาหนึ่งที่ผู้คนเริ่มตั้งคำถามว่า
"เหตุใดเด็กนักเรียนจึงจำเนื้อหาได้มาก แต่กลับใช้มันในชีวิตจริงได้น้อย?”
คำถามนี้เอง…ได้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของการปฏิวัติการเรียนรู้ครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์โลกการศึกษา —
การเรียนรู้โดยใช้โครงงานเป็นฐาน หรือ Project Based Learning (PBL)
เรื่องราวของ PBL เริ่มต้นขึ้นราวต้นศตวรรษที่ 20
ในช่วงเวลาที่ระบบการศึกษายังเน้นการท่องจำและครูเป็นศูนย์กลาง
แต่ในอีกฟากหนึ่งของโลก ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา
ได้มีนักการศึกษาผู้หนึ่งลุกขึ้นมาตั้งคำถามกับวิธีการสอนแบบเดิม
เขาชื่อว่า จอห์น ดิวอี้ (John Dewey)
ดิวอี้เชื่อว่า "การศึกษาไม่ใช่การเตรียมตัวเพื่อชีวิต แต่คือชีวิตเอง”
เขาเสนอแนวคิดว่า เด็กจะเรียนรู้ได้ดีที่สุดเมื่อได้ ลงมือทำจริง
และได้เผชิญกับปัญหาที่มีความหมายกับชีวิตของตน
แนวคิดนี้เรียกว่า Progressive Education — การศึกษาก้าวหน้า
ซึ่งมุ่งให้ผู้เรียนมีบทบาทสำคัญในการสร้างความรู้ด้วยตัวเอง
แทนที่จะรอรับความรู้จากครูเพียงฝ่ายเดียว
ลูกศิษย์คนสำคัญของดิวอี้คือ วิลเลียม เฮิร์ด คิลแพทริก (William H. Kilpatrick)
ในปี ค.ศ. 1918 เขาได้ตีพิมพ์บทความชื่อ "The Project Method”
ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของสิ่งที่เรารู้จักกันในปัจจุบันว่า Project Based Learning
คิลแพทริกมองว่า "โครงงาน” (Project) คือกิจกรรมที่ผู้เรียนเลือกทำด้วยความสนใจของตนเอง
โดยมีเป้าหมายที่ชัดเจนและมีคุณค่าในชีวิตจริง
ไม่ว่าจะเป็นการสร้างสิ่งของ การทดลอง การสำรวจ หรือการแก้ปัญหาใด ๆ
และระหว่างกระบวนการนั้น เด็กจะเรียนรู้ทั้งความรู้ ทักษะ และความรับผิดชอบไปพร้อมกัน
เขาเคยกล่าวไว้ว่า
"การเรียนรู้ที่แท้จริงเกิดขึ้นเมื่อเด็กได้ทำในสิ่งที่เขารู้สึกว่ามีความหมาย”
การทดลองใช้ "Project Method” ในสหรัฐฯ ได้รับความสนใจอย่างมาก
ครูจำนวนมากเริ่มนำแนวคิดนี้ไปปรับใช้ในโรงเรียน ทั้งในระดับประถม มัธยม และมหาวิทยาลัย
และพบว่าเด็กมีแรงจูงใจสูงขึ้น กล้าแสดงความคิดเห็น และเรียนรู้อย่างลึกซึ้งมากขึ้น
เมื่อเวลาผ่านไป แนวคิด PBL ได้รับการสนับสนุนจากทฤษฎีการเรียนรู้หลายแขนง
โดยเฉพาะทฤษฎี Constructivism (คอนสตรัคติวิสม์)
ซึ่งมีนักคิดสำคัญอย่าง ฌอง ปีอาเจต์ (Jean Piaget) และ เลฟ วีกอตสกี (Lev Vygotsky)
Piaget เชื่อว่า เด็กสร้างความรู้ขึ้นเองผ่านการปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อม
เขามองว่าการเรียนรู้เกิดขึ้นจากการ "ลงมือทำ” และ "การคิดทบทวนประสบการณ์”
Vygotsky เสริมมุมมองเรื่อง "สังคมและภาษา” ว่า
การเรียนรู้เกิดขึ้นดีที่สุดเมื่อผู้เรียนได้ร่วมมือกับผู้อื่น
ได้แลกเปลี่ยนแนวคิด และได้รับการชี้แนะจากผู้มีประสบการณ์มากกว่า
ทั้งสองแนวคิดนี้จึงกลายเป็นรากฐานสำคัญของ Project Based Learning
ซึ่งให้ความสำคัญกับ "กระบวนการคิด” มากกว่าผลลัพธ์สุดท้าย
และเน้น "การเรียนรู้ร่วมกัน” มากกว่า "การแข่งขันกัน”
ในช่วงปลายศตวรรษที่ 20 องค์กรการศึกษาหลายแห่งในยุโรปและอเมริกา เช่น Buck Institute for Education (BIE) ได้พัฒนาโมเดล PBL ให้มีโครงสร้างชัดเจนมากขึ้น
โดยเน้นกระบวนการ 7 ขั้นตอน ได้แก่
การตั้งคำถามหลัก (Driving Question)
การวางแผนและออกแบบโครงงาน
การค้นคว้าข้อมูล
การลงมือปฏิบัติ
การสะท้อนผลและปรับปรุง
การนำเสนอผลงาน
การประเมินผลร่วมกัน
รูปแบบนี้ทำให้ PBL กลายเป็นระบบที่วัดผลได้ และสามารถประยุกต์ใช้ได้ในทุกวิชา — ตั้งแต่คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ไปจนถึงศิลปะและภาษา
สำหรับประเทศไทยแนวคิด "การเรียนรู้โดยใช้โครงงานเป็นฐาน” เริ่มเข้ามาอย่างจริงจังในช่วงปลายทศวรรษ 2530 – 2540 โดยเฉพาะในช่วงที่มีการปฏิรูปการศึกษา
ตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ซึ่งเน้นให้ "ผู้เรียนเป็นศูนย์กลางของการเรียนรู้”
ช่วงนั้น สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ได้ส่งเสริมให้ครูทดลองใช้รูปแบบ "การเรียนรู้โดยใช้โครงงาน (Project Approach)” ในหลายโรงเรียนต้นแบบทั่วประเทศ เช่น โรงเรียนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรวมถึงโรงเรียนในเครือข่าย "เรียนรู้แบบบูรณาการ”
บุคคลสำคัญที่ผลักดันแนวคิดนี้ในไทยอย่างต่อเนื่อง ได้แก่
ศ.ดร.มาลินี คุ้มสุภา, ดร.บุญทัน ดอกไธสง, และ ศ.ดร.ชัยยงค์ พรหมวงศ์
ผู้ซึ่งทำงานวิจัยและอบรมครูเกี่ยวกับ "Project Work” และ "PBL” มาอย่างต่อเนื่องพวกเขาเชื่อว่าการสอนแบบนี้สามารถปลูกฝังทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 ได้จริง เช่น การคิดวิเคราะห์ การทำงานเป็นทีม และการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ
เมื่อครูไทยเริ่มทดลองใช้ PBL ในห้องเรียนผลที่ได้เกินคาด — นักเรียนมีความกระตือรือร้นกล้าแสดงความคิดเห็น และเข้าใจเนื้อหาอย่างลึกซึ้งโดยเฉพาะในวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่สามารถเชื่อมโยงกับชีวิตจริงได้ชัดเจน
ตัวอย่างเช่น โครงงาน "ระบบรดน้ำอัตโนมัติ” ในโรงเรียนชนบทไม่เพียงทำให้นักเรียนเข้าใจหลักวงจรไฟฟ้าแต่ยังปลูกฝังความภาคภูมิใจที่ได้ช่วยเหลือชุมชนจริง ๆ นั่นคือจิตวิญญาณแท้จริงของ Project Based Learning
การเรียนรู้ที่มีชีวิต มีความหมาย และมีคุณค่า
Project Based Learning ไม่ได้เป็นเพียง "รูปแบบการสอน” แต่คือ "ปรัชญาการเรียนรู้” ที่เปลี่ยนผู้เรียนให้กลายเป็นผู้สร้างเปลี่ยนครูจากผู้ถ่ายทอดความรู้ มาเป็นผู้นำทางการเรียนรู้ (Learning Coach) และเปลี่ยนห้องเรียนให้กลายเป็นสนามแห่งการค้นพบ
ทุกวันนี้ PBL ยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่องสอดรับกับเทคโนโลยี ดิจิทัล และการเรียนรู้ในยุค AI แต่แก่นแท้ของมันยังคงเดิมคือการให้ "มนุษย์ได้เรียนรู้ผ่านการลงมือทำสิ่งที่มีความหมายต่อชีวิต”
? "เราเรียนรู้ดีที่สุด เมื่อสิ่งที่เราเรียน มีคุณค่ากับหัวใจของเรา” สะท้อนจิตวิญญาณของ PBL ที่ข้ามกาลเวลามาจนถึงวันนี้
ตัวอย่างคลิปที่น่าสนใจ
"โครงงานเทคโนโลยี เรื่อง รดน้ำต้นไม้อัตโนมัติ” — ผลงานนักเรียน โรงเรียนบางระกำวิทยศึกษา
"นำเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์ เรื่อง ระบบรดน้ำอัตโนมัติ โรงเรียนศรีบุญเรืองวิทยาคาร”
"โครงงานระบบรดน้ำอัตโนมัติ” — คลิปสาธิตโครงงานต่าง ๆ
"โครงงานสมองกลฝังตัวเรื่อง เครื่องรดน้ำต้นไม้อัตโนมัติ” โรงเรียนบ้านนา จังหวัดนครนายก
"โครงงานเครื่องรดน้ำต้นไม้อัตโนมัติด้วยบอร์ด NX02-Smart farming module + KidBright”