ชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC)
ในยุคปัจจุบันเป็นที่ทราบกันดีแล้วว่า ในแต่ละชั้นเรียนจะมีนักเรียนที่มีความสามารถที่หลากหลายและแตกต่างกัน ดังพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม(ฉบับที่2) พุทธศักราช 2545 มาตรา 10 ที่ระบุว่า การจัดการศึกษาต้องจัดให้บุคคลมีสิทธิและโอกาสเสมอกันในการรับการศึกษาขั้นพื้นฐานไม่น้อยกว่าสิบสองปีที่รัฐต้องจัดให้อย่างทั่วถึงและมีคุณภาพ โดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย การจัดการศึกษาสาหรับบุคคลซึ่งมีความบกพร่องทางร่างกาย จิตใจ สติปัญญา อารมณ์ สังคม การสื่อสารและการเรียนรู้หรือมีร่างกายพิการ หรือทุพพลภาพหรือบุคคลซึ่งไม่สามารถพึ่งตนเองได้หรือไม่มีผู้ดูแลหรือด้อยโอกาส ต้องจัดให้บุคคลดังกล่าวมีสิทธิและโอกาสได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐานเป็นพิเศษ การศึกษาสาหรับคนพิการในวรรคสอง ให้จัดให้ตั้งแต่แรกเกิดหรือพบความพิการโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายและให้บุคคลดังกล่าวมีสิทธิได้รับความช่วยเหลืออื่นใดทางการศึกษา นอกจากนี้แล้วในมาตรา 22 ยังระบุถึงหลักการจัดการศึกษาว่า ผู้เรียนทุกคนสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ ต้องจัดการศึกษาที่พัฒนาผู้เรียนตามธรรมชาติและเต็มศักยภาพ ครูทุกคนมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องแสวงหาวิธีการที่จะช่วยให้นักเรียนทุกคนสามารถเรียนรู้ได้ตามเจตนำรมณ์ของพระราชบัญญัติดังกล่าว ซึ่งนวัตกรรมใหม่ที่ครูจะต้องทราบคือ Professional Learning Community (PLC) โดยที่ PLC ย่อมาจากProfessional Learning Community ซึ่งหมายถึง Community of Practice (CoP) ในการทำหน้าที่ครูนั่นเอง หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง เป็นการรวมตัวกันทำงานไปพัฒนาทักษะและการเรียนรู้เพื่อปฏิบัติหน้าที่ครูเพื่อศิษย์ไป โดยรวมตัวกัน แลกเปลี่ยนเรียนรู้จากประสบการณ์ตรง ทำให้การทำหน้าที่ครูเพื่อศิษย์เป็นการทำงานเป็นกลุ่มหรือเป็นทีม ซึ่งอาจเป็นทีมในโรงเรียนเดียวกันก็ได้ ต่างโรงเรียนกันก็ได้ หรืออาจจะอยู่ห่างไกลกันก็ได้ โดย ผ่าน ICT
ชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC) คืออะไร?
ชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพหรือPLC คือ การรวมตัว รวมใจ รวมพลัง ร่วมมือกันของครู ผู้บริหาร และนักการศึกษา ในโรงเรียน เพื่อพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียนเป็นสำคัญ ดังที่ Sergiovanni (1994) ได้กล่าวว่า PLC เป็นสถานที่สำหรับ"ปฏิสัมพันธ์” ลด "ความโดดเดี่ยว”ของมวลสมาชิกวิชาชีพครูของโรงเรียน ในการทำงาน เพื่อปรับปรุงผลการเรียนของนักเรียน หรืองานวิชาการ โรงเรียน
ชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC) มีความสำคัญอย่างไร?
ความสำคัญของ PLC จากผลการวิจัยโดยตรงของที่ยืนยันว่าการดาเนินการในรูปแบบPLC นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพทั้งด้านวิชาชีพและผลสัมฤทธิ์ของนักเรียน จากการสังเคราะห์รายงานการวิจัยเกี่ยวกับโรงเรียนที่มีการจัดตั้ง PLC โดยใช้คาถามว่า โรงเรียนดังกล่าวมีผลลัพธ์อะไรบ้าง ที่แตกต่างไปจากโรงเรียนทั่วไปที่ไม่มีชุมชนแห่งวิชาชีพ และถ้าแตกต่างแล้วจะมีผลดีต่อครูผู้สอนและต่อนักเรียนอย่างไรบ้างซึ่งมีผลสรุป2 ประเด็นดังนี้
ประเด็นที่ 1 ผลดีต่อครูผู้สอนพบว่า PLC ส่งผลต่อครูผู้สอนกล่าวคือลดความรู้สึกโดดเดี่ยวงานสอนของครู เพิ่มความรู้สึกผูกพันต่อพันธกิจและเป้าหมายของโรงเรียนมากขึ้น โดยเพิ่มความกระตือรือร้นที่จะปฏิบัติให้บรรลุพันธกิจอย่างแข็งขัน จนเกิดความรู้สึกว่า ต้องการร่วมกันเรียนรู้และรับผิดชอบต่อพัฒนาการโดยรวมของนักเรียนถือเป็นพลังการเรียนรู้ซึ่งส่งผลให้การปฏิบัติการสอนในชั้นเรียนให้มีผลดียิ่งขึ้น กล่าวคือมีการค้นพบความรู้ และความเชื่อที่เกี่ยวกับวิธีการสอนและตัวผู้เรียนซึ่งที่เกิดจากการคอยสังเกตอย่างสนใจ รวมถึงเข้าใจในด้านเนื้อหาสาระ ที่ต้องจัดการเรียนรู้ได้แตกฉานยิ่งขึ้นจนตระหนักถึงบทบาทและพฤติกรรมการสอนที่จะช่วยให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้ได้ดีที่สุด อีกทั้งการรับทราบข้อมูลสาระสนเทศต่างๆ ที่จำเป็นต่อวิชาชีพได้อย่างกว้างขวาง และรวดเร็วขึ้น ส่งผลดีต่อการปรับปรุงพัฒนางานวิชาชีพได้ตลอดเวลา เป็นผลให้เกิดแรงบันดาลใจที่จะพัฒนาและอุทิศตนทางวิชาชีพเพื่อศิษย์ ซึ่งเป็นทั้งคุณค่าและขวัญกาลังใจต่อการปฏิบัติงานให้ดียิ่งขึ้นที่สำคัญคือยังสามารถลดอัตราการลาหยุดงานน้อยลง เมื่อเปรียบเทียบกับโรงเรียนแบบเก่ายังพบว่ามีความก้าวหน้าในการปรับเปลี่ยนวิธีการจัดการเรียนรู้ให้สอดคล้องกับลักษณะผู้เรียนได้อย่างเด่นชัดและรวดเร็วกว่าที่พบในโรงเรียนแบบเก่า มีความผูกพันที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ ให้ปรากฏอย่างเด่นชัดและยั่งยืน
ประเด็นที่2 ผลดีต่อผู้เรียนพบว่าPLC ส่งผลต่อผู้เรียนกล่าวคือสามารถลดอัตราการตกซ้ำชั้น และจำนวนชั้นเรียนที่ต้องเลื่อนหรือชะลอการจัดการเรียนรู้ให้น้อยลง อัตราการขาดเรียนลดลงมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในวิชาวิทยาศาสตร์ประวัติศาสตร์และวิชาการอ่านที่สูงขึ้นอย่างเด่นชัด เมื่อเทียบกับโรงเรียนแบบเก่าสุดท้ายคือมี ความแตกต่างด้านผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระหว่างกลุ่มนักเรียนที่มีภูมิหลังไม่เหมือนกันและลดลงชัดเจน
กระบวนการPLC ในสถานศึกษา
นัตยา หล้าทูนธีรกุล (2562) ได้กล่าวถึงกระบวนการ PlC ควรประกอบด้วยกระบวน 5 ขั้นตอนดังนี้
ขั้นตอนที่1 Community สร้างทีมครูบูรณาการSTEM Education
ขั้นตอนที่2 Practice จัดการเรียนรู้บูรณาการSTEM Education
ขั้นตอนที่3 Reflection สะท้อนคิดเพื่อการพัฒนาการปฏิบัติ
ขั้นตอนที่4 Evaluation ประเมินเพื่อการพัฒนาสมรรถนะครู
ขั้นตอนที่5 Network Development สร้างเครือข่ายการพัฒนา
ซึ่งปัจจุบันโรงเรียนวัดรำพันฯ ดำเนินการ PLC ชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ ดังนี้
ขั้นตอนที่1 การรวมกลุ่ม จัดตั้งกลุ่ม
โดยมีการประชุม และจัดกลุ่มตามความถนัด ความต้องการในการพัฒนานักเรียนในแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้
ขั้นตอนที่ 2 การวิเคราะห์สิ่งต้องการพัฒนา
โดยการใช้ผลการสอบระดับชาติ และจังหวัด มาพิจารณาจุดบกพร่องที่ต้องการแก้ไขในแต่ละปีการศึกษา
ขั้นตอนที่ 3 การออกแบบกิจกรรม/วิธีการเทคนิคสอน/สื่อการเรียนรู้ในการพัฒนา
โดยการศึกษา ค้นคว้าแนวทางวิธีการแก้ไข และพัฒนาจากสื่อ /เวบไซด์/งานวิจัย และการอภิปรายแลกเปลี่ยนประสบการณ์ เพื่อค้นหาวิธีการที่เหมาะสมที่สุดตามบริบทของโรงเรียน และดำเนินการออกแบบการออกแบบกิจกรรม/วิธีการเทคนิคสอน/สื่อการเรียนรู้ในการพัฒนา
ขั้นตอนที่ 4 การจัดการเรียนรู้ และปฏิบัติจริง
ปฏิบัติจริงในชั้นเรียน และนอกเวลาเรียนตามความเหมาะสม
ขั้นตอนที่ 5 ขั้นประเมินผล สะท้อนการจัดการเรียนรู้
ประชุม อภิปราย แลกเปลี่ยนความรู้ ถึงผลที่ได้รับจากการปฏิบัติ ว่าบรรลุตามเป้าหมายหรือไม่อย่างไร และจะต้องทำดำเนินการอย่างไรต่อไป
ขั้นที่ตอนที่6 สรุปผลการจัดการเรียนรู้/กิจกรรม/นวัตกรรม/เผยแพร่
สรุปผลการเรียนรู้จากการเรียนรู้ และนำผลไปพัฒนาในการวางแผนการเรียนรู้ในครั้งต่อไป