วัดพลับบางกะจะ ตั้งขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย จากหลักฐานที่สำนักพระพุทธศาสนาบันทึกไว้ว่า ได้รับการอนุญาตให้ตั้งเป็นวัดในปี พ.ศ. 2300 ซึ่งอยู่ในรัชสมัยของสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 3 (พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ) ในปี พ.ศ. 2310 สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงใช้สถานที่วัดพลับเป็นที่พักทัพ จัดเตรียมกองทัพก่อนเข้าตีเมืองจันทบุรี เพื่อกอบกู้กรุงศรีอยุธยาคืนจากพม่าก่อนที่จะยกทัพไปทำการสู้รบ พระองค์ทรงประกอบพิธีบำรุงขวัญทหาร สร้างพระยอดธงแจกจ่าย และนำน้ำในบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์มาทำน้ำพระพุทธมนต์ประพรมเหล่าทหารหาญ โดยทำพิธีปลุกเสกในพระอุโบสถหลังเก่า
1. โบสถ์วัดพลับ สร้างเมื่อ พ.ศ. 2441 เป็นศิลปะสมัยรัตนโกสินทร์ สูง 20 เมตร องค์พระปรางค์ตั้งอยู่บนฐานประทักษิณ 2 ชั้น มีบันไดมีมุขยื่นทั้ง 4 ด้านโดยรอบ ส่วนยอดของพระปรางค์ มีการซ้อนชั้น องค์พระปรางค์เล็กมีชั้นฐานเชิงบาตรรองรับประดับซุ้มด้วยรูปปั้นเศียรช้างทั้ง 4 ทิศ และส่วนยอดสุดตกแต่งด้วยยอดปรางค์ประดับด้วยตรีศูลพระปรางค์ลักษณะเช่นนี้ไม่ค่อยพบในภาคตะวันออกได้รับการบูรณะ เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2550
2. เจดีย์กลางน้ำ เป็นเจดีย์ทรงระฆัง ศิลปะสมัยอยุธยาตอนกลางสูงประมาณ 7 เมตร ตัวองค์ระฆังก่ออิฐถือปูนธรรมดา ไม่ประดับกระเบื้องมีฐานประทักษิณ โดยรอบ 4 ด้าน เมื่อทอดเงาในน้ำมองดูงามสง่า กรมศิลปากรได้ปฎิสังขรณ์ แล้วเสร็จเมื่อ เดือน มกราคม พ.ศ. 2552
3. วิหารไม้ เป็นเจดีย์ทรงระฆัง ศิลปะสมัยอยุธยาตอนกลางสูงประมาณ 7 เมตร ตัวองค์ระฆังก่ออิฐถือปูนธรรมดา ไม่ประดับกระเบื้องมีฐานประทักษิณ โดยรอบ 4 ด้าน เมื่อทอดเงาในน้ำมองดูงามสง่า กรมศิลปากรได้ปฎิสังขรณ์ แล้วเสร็จเมื่อ เดือน มกราคม พ.ศ. 2552
4. บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ เป็นเจดีย์ทรงระฆัง ศิลปะสมัยอยุธยาตอนกลางสูงประมาณ 7 เมตร ตัวองค์ระฆังก่ออิฐถือปูนธรรมดา ไม่ประดับกระเบื้องมีฐานประทักษิณ โดยรอบ 4 ด้าน เมื่อทอดเงาในน้ำมองดูงามสง่า กรมศิลปากรได้ปฎิสังขรณ์ แล้วเสร็จเมื่อ เดือน มกราคม พ.ศ. 2552
5 พระปรางค์ สร้างเมื่อ พ.ศ. 2441 เป็นศิลปะสมัยรัตนโกสินทร์ สูง 20 เมตร องค์พระปรางค์ตั้งอยู่บนฐานประทักษิณ 2 ชั้น มีบันไดมีมุขยื่นทั้ง 4 ด้านโดยรอบ ส่วนยอดของพระปรางค์ มีการซ้อนชั้น องค์พระปรางค์เล็กมีชั้นฐานเชิงบาตรรองรับประดับซุ้มด้วยรูปปั้นเศียรช้างทั้ง 4 ทิศ และส่วนยอดสุดตกแต่งด้วยยอดปรางค์ประดับด้วยตรีศูลพระปรางค์ลักษณะเช่นนี้ไม่ค่อยพบในภาคตะวันออกได้รับการบูรณะ เดือนกุมภาพันธ์
พ.ศ. 2550
6. หอไตร เป็นหอไม้ทรงไทย อายุเก่าแก่สมัยอยุธยา หลังคา 2 ชั้นทรงจั่วโครงสร้างไม้ตกแต่งด้วยเครื่องลำยอง มีระเบียงรอบหอเสารองรับหลังคาเป็นเสาเดิมยังเห็นร่องรอยการตกแต่งด้วยลายรดน้ำลงรักปิดทอง เป็นหอไตรขนาดกลาง สร้างอยู่กลางสระน้ำ เดิมใช้เป็นที่เก็บพระไตรปิฎก กรมศิลปากรได้ปฎิสังขรณ์แล้วเสร็จเมื่อเดือนมกราคม พ.ศ. 2552
7. อนุสรณ์สถานสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เมื่อปีพ.ศ. 2309 สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช (ขณะนั้นเป็น พระยาวชิโรปราการ)ได้รวบรวมเหล่าทหารไทยจำนวนหนึ่งตีฝ่าทหารพม่าที่ล้อมกรุงศรีอยุธยา ผ่านมาทางระยองเรื่อยมามุ่งสู่จันทบุรี และได้มาหยุดพักพลปละประทับพักแรกที่บ้านบางกะจะ หัวแหวน( ปัจจุบันเป็นพื้นที่ 2 ตำบลคือตำบลบางกะจะและตำบลพลอยแหวน) ก่อนที่จะนำกองทัพเข้าตีเมืองจันทบุรีและยกทัพเรือไปกู้กรุงศรีอยุธยา พระองค์ได้ประกอบพิธีตัดไม้ข่มนามบำรุงขวัญทหาร โดยนำน้ำถวายเป็นพุทธบูชา ต่อมา พ.ศ. 2479 พระเจดีย์ได้พังทลายลงจึงพบพระยอดธงเป็นจำนวนมาก เป็นที่เลี่ยงลือในหมู่นิยมพระเครื่องว่า พระยอดธงดี ต้องพระยอดธงวัดพลับ